WHERE CLAUSE หลายเงื่อนไข และการจัดลำดับเงื่อนไข

« Facebook page »

เงื่อนไขในการ Query ข้อมูลส่วนมากจะประกอบด้วยหลายเงื่อนไข ซึ่งแต่ละเงื่อนไขก็จะเชื่อมหรือรวมกันด้วย Logic คือ AND และ OR

OR ใช้เพื่อรวมผล จากทั้ง 2 เงื่อนไข

AND ใช้รวม 2 เงื่อนไขเข้าด้วยกัน

WHERE Clause การ Query ข้อมูลด้วยเงื่อนไข

« Facebook page »

การ Query ข้อมูลจาก Database สามารถทำใด้โดยใช้คำสั่ง Select และเพื่มเงื่อนไขในการกรองข้อมูลตามที่ต้องการได้ ซึ่งมีรูปแบบคำสั่งที่สามารถใช้ใด้หลากหลาย

ตัวอย่างโครงสร้างคำสั่ง SELECT * FROM customers WHERE country =’USA’

แปล Code เป็นความเข้าใจคือ เลือก ข้อมูลทุกคอลัมน์ จาก ตาราง customers เมื่อ ประเทศ = ‘USA’

ตัวดำเนินการ (Operator)

Operatorความหมายตัวอย่าง
=เท่ากับWHERE country = ‘USA’
<>ไม่เท่ากับWHERE country <> ‘USA’
>มากกว่าWHERE customerNumber >100
>=มากกว่าหรือเท่ากับWHERE customerNumber >=100
<น้อยกว่าWHERE customerNumber < 100
<=น้อยกว่าหรือเท่ากับWHERE customerNumber <= 100
BETWEENระหว่างช่วงWHERE customerNumber BETWEEN 100 AND 200
LIKEเหมือนWHERE country LIKE ‘U%’
% คืออักษใดๆก็ใด้
INในรายการที่ระบุWHERE country IN (‘USA’, ‘THAILAND’)
ISเป็นWHERE country IS NULL

การจัดเรียงลำดับข้อมูล ด้วย Order By

« Facebook page »

การการเรียงลำดับข้อมูลจาก Database สามารถทำใด้โดยใช้คำสั่ง ORDER BY

ตัวอย่างโครงสร้างคำสั่ง SELECT * FROM customers ORDER BY country, customerNumber ASC

แปล Code เป็นความเข้าใจคือ เลือก ข้อมูลทุกคอลัมน์ จาก ตาราง customers จัดเรียงลำดับข้อมูล country และจัดเรียง customerNumber ในแต่ละ country

ASC จัดเรียงจากน้อยไปมาก

DESC จัดเรียงจากมากไปน้อย

หากไม่ระบุรูปแบบการจัดเรียง จะถูกกำหนดโดยอัตโนมัติเป็น ASC

รูปแบบข้อมูลที่ได้

ผล Query

ทดลองทำแบบฝึกหัดด้วยนะครับ

การ Query ข้อมูลจาก Database

« Facebook page »

การดึงข้อมูลจาก Database สามารถทำใด้โดยใช้คำสั่ง Select

ตัวอย่างโครงสร้างคำสั่ง SELECT * FROM customers

แปล Code เป็นความเข้าใจคือ เลือก ข้อมูลทุกคอลัมน์ จาก ตาราง customers

Relation Database

« อ่านและทดลองเขียน SQL Query คลิกที่นี่ »

« Facebook page »

เดต้าเบสที่ใช้งานกันส่วนใหญ่จะมีการเก็บข้อมูลเชิงสัมพันธ์ ในบทความนี้จะแสดงตัวอย่างและรูปแบบการประยุกต์ การเก็บข้อมูลเชิงสัมพันธ์

  1. One to One การเก็บข้อมูลด้วยความสัมพันธ์ หนึ่งต่อหนึ่ง จากตัวอย่างเราจะทำการเก็บข้อมูล Order และ ที่อยู่สำหรับจัดส่งบิล โดยข้อมูล 1 Order จะมี ข้อมูลที่อยู่ส่งบิล 1 ชุด
database relation one to one
database relation one to one

ฟังก์ชัน เงื่อนไข ใน EXCEL

IF ใช้สำหรับการกำหนดเงื่อนไข เช่น ถ้าเงื่อนไขถูกต้อง ทำสิ่งนี้ ถ้าเงื่อนไขไม่ถูกต้อง ให้ทำอย่างอื่น
เช่น ถ้า X น้อยกว่า Y ใช้ค่า Y ถ้าไม่ใช่ ใช้ค่า X ใช้ฟังก์ชัน IF จะได้เป็น =IF(X<Y, Y, X)

1.ใช้ IF เพื่อตรวจสอบปริมาณ Stock
เงื่อนไข ถ้า Stock มากกว่า 400 ให้แสดง Height ถ้าไม่ใช่ ใช้ค่า Low

INDEX และ MATCH ใน EXCEL

MATCH ฟังก์ชันที่ใช้ค้นหา ลำดับแถวของข้อมูลที่ต้องการ จาก Range ของข้อมูลตามที่กำหนด ตัวอย่าง
=MATCH(A1, B:C, 0)
* A1 คือค่าที่ใช้ค้นหา
* B:B คือ Range ข้อมูลที่ทำการค้นหา(คอลัมน์ B) ควรเลือกแค่ 1 คอลัมน์
* -1/0/1 คือการกำหนดรูปแบบการค้นหา
-1 = ข้อมูลที่น้อยกว่า
0 = ข้อมูลตรงกันทั้งหมด
1 = ข้อมูลที่มากกว่า

VLOOKUP ใน EXCEL

VLOOKUP ฟังก์ชันที่ใช้ค้นหาข้อมูลที่ต้องการ จาก Range ของข้อมูลตามที่กำหนด ตัวอย่าง
=VLOOKUP(I3, D3:G6, 4, FALSE)
* I3 คือค่าที่ใช้ค้นหา
* D3:G6 คือ Range ข้อมูลที่ทำการค้นหา รวมถึงคอลัมน์ที่ต้องการผลลัพธ์ด้วย
* 4 คือลำดับคอลัมน์ของข้อมูลที่นำกลับมาแสดง (D คือคอลัมน์ที่ 1 ส่วน G คือคอลัมน์ที่ 4)
* TRUE/FALSE คือการกำหนดรูปแบบการค้นหา
TRUE = ข้อมูลตรงกันแค่บางส่วน
FALSE = ข้อมูลตรงกันทั้งหมด

ฟังก์ชัน MAX ใน EXCEL

ตัวอย่างการใช้ฟังก์ชัน MAX เพื่อหาจำนวนของ Stock ที่มากสุด

วิธี ใช้ฟังก์ชัน
5.1. สูตร ต้องเริ่มด้วยเครื่องหมาย =
5.2. เขียนชื่อฟังก์ชัน MAX(
5.3. Range ของ cell ที่ต้องการคำนวน สามารถพิมพ์หรือใช้เมาส์ลากใน cell ที่ต้องการ
5.4. อย่าลืมใส่ ) ต่อท้าย
นำมาเขียนรวมกัน

ฟังก์ชัน MIN ใน EXCEL

ตัวอย่างการใช้ฟังก์ชัน MIN เพื่อหาจำนวนของ Stock ที่น้อยสุด

วิธี ใช้ฟังก์ชัน
4.1. สูตร ต้องเริ่มด้วยเครื่องหมาย =
4.2. เขียนชื่อฟังก์ชัน MIN(
4.3. Range ของ cell ที่ต้องการคำนวน สามารถพิมพ์หรือใช้เมาส์ลากใน cell ที่ต้องการ
4.4. อย่าลืมใส่ ) ต่อท้าย
นำมาเขียนรวมกัน